
เทคโนโลยีการสกรีน DTG คือ อะไร และมีความต่างจากระบบอื่นอย่างไร ? การสกรีนด้วยระบบ DTG ดีไหม ? DTG ย่อมาจาก “Direct to Garment” เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ลงบนผืนผ้าโดยตรงด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทความละเอียดสูงที่ใช้หมึกชนิดพิเศษ ซึ่งหมึกนี้จะซึมเข้าสู่เนื้อผ้าราวกับการวาดภาพลงบนผืนผ้าแบบดิจิทัลจริง ๆ สกรีนด้วยระบบ DTG ไม่ได้ใช้บล็อกหรือแม่พิมพ์ในการพิมพ์เหมือนระบบสกรีนซิลค์สกรีนแบบดั้งเดิม และไม่ต้องใช้กระดาษทรานเฟอร์แบบระบบ Sublimation จึงทำให้ขั้นตอนการพิมพ์นั้นกระชับและลดระยะเวลาได้อย่างมาก จุดเด่นหลักของระบบนี้คือสามารถพิมพ์ภาพที่มีความละเอียดสูงมาก ๆ เช่น ภาพถ่าย งานกราฟิกที่มีการไล่เฉดสี หรือภาพที่มีหลายพันเฉดสีได้แบบไม่มีข้อจำกัดใด ๆ อีกทั้งยังตอบโจทย์ผู้ผลิตจำนวนน้อยไปจนถึงระบบพิมพ์ตามสั่ง (Print on Demand) ที่กำลังนิยมในยุคปัจจุบัน ซึ่งต่างจากระบบอื่น ๆ ที่ต้องมีการสั่งผลิตขั้นต่ำ หรือไม่สามารถให้รายละเอียดภาพได้ครบถ้วน
ความคมชัดและคุณภาพของงานพิมพ์ DTG
หนึ่งในคำตอบหลักของคำถามที่ว่า “การสกรีนด้วยระบบ DTG ดีไหม” คือเรื่องของคุณภาพงานพิมพ์ที่ได้ DTG มีความสามารถในการพิมพ์ภาพละเอียดสูงได้เหนือกว่าระบบสกรีนแบบอื่นอย่างชัดเจน เช่น ระบบซิลค์สกรีนถึงแม้จะให้สีสด คม และทน แต่ไม่สามารถพิมพ์ภาพถ่ายหรือภาพที่มีความซับซ้อนได้โดยไม่ต้องแยกสีทีละเลเยอร์ และการแยกสีจำนวนมากจะส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นและใช้เวลานานมาก ในขณะที่ DTG สามารถพิมพ์ได้ทันทีจากไฟล์ภาพ JPG หรือ PNG โดยตรง ภาพออกมาจะเนียนเป็นเนื้อเดียวกับผ้า โดยเฉพาะหากพิมพ์ลงบนเสื้อผ้าฝ้าย 100% สีอ่อน ซึ่งเป็นพื้นผิวที่ดีที่สุดสำหรับหมึก DTG งานพิมพ์จึงดูมีมิติ สีชัด และเก็บรายละเอียดของต้นฉบับได้แทบไม่ผิดเพี้ยนเลย นอกจากนี้ ยังสามารถพิมพ์ภาพที่มีพื้นหลังโปร่งใสหรืองานอาร์ตเวิร์กแบบไล่เฉดสีที่เครื่องพิมพ์แบบเก่าไม่สามารถทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
DTG กับการผลิตเสื้อจำนวนน้อยหรือสั่งทำรายชิ้น
หากคุณกำลังมองหาระบบพิมพ์ที่รองรับการผลิตเสื้อแบบไม่มีขั้นต่ำ การสกรีนด้วยระบบ DTG ถือว่าตอบโจทย์อย่างยิ่ง เนื่องจากการสกรีนหนึ่งชิ้นด้วย DTG ไม่ต้องมีขั้นตอนการเตรียมบล็อกหรือแม่พิมพ์ และสามารถสั่งพิมพ์ภาพแต่ละชิ้นที่ไม่เหมือนกันได้ทันทีในเครื่องเดียวกัน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเหนือระบบซิลค์สกรีนอย่างชัดเจน ดังนั้น DTG จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นทำแบรนด์เสื้อผ้าเล็ก ๆ ผู้ที่เปิดร้านค้าออนไลน์แบบ Print on Demand หรืองานพิเศษที่ลูกค้าต้องการแบบลิมิเต็ดเพียงไม่กี่ตัว แม้แต่เสื้อสำหรับของขวัญวันเกิด วันรับปริญญา หรือเสื้อทีมงานเฉพาะกิจ ก็สามารถสั่งทำแบบไม่ต้องมีจำนวนขั้นต่ำ อีกทั้งยังทำได้รวดเร็วภายในไม่กี่นาที
ต้นทุนและค่าใช้จ่ายของการสกรีน DTG ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ในแง่ของต้นทุน การสกรีนด้วยระบบ DTG มีต้นทุนต่อชิ้นที่สูงกว่าระบบซิลค์สกรีนหากพิมพ์ในจำนวนมาก แต่หากผลิตในจำนวนน้อยหรือเฉพาะรายชิ้น ต้นทุนจะกลายเป็นจุดแข็งของ DTG เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในการทำบล็อกพิมพ์หรือค่าติดตั้งเครื่องจักร ซึ่งระบบอื่นจะมีค่านี้ในทุกแบบใหม่ที่ผลิต หมึกพิมพ์ของ DTG โดยเฉพาะหมึกสีขาวมีราคาค่อนข้างสูง และเครื่องพิมพ์ DTG เองก็มีราคาสูงพอสมควร ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยของผู้ผลิตจึงค่อนข้างสูงกว่าระบบซิลค์สกรีน แต่เมื่อนำมาพิจารณารวมกับความเร็ว ความยืดหยุ่น และความสามารถในการพิมพ์ภาพที่ซับซ้อนแล้ว ต้นทุนสูงนี้จึงถือว่าสมเหตุสมผล โดยเฉพาะในโมเดลธุรกิจที่ไม่ต้องสต๊อกสินค้าไว้ล่วงหน้า
ความทนทานของงานสกรีน DTG เมื่อผ่านการซักหลายครั้ง
แม้งานพิมพ์ DTG จะเนียนสวยในช่วงแรก แต่คำถามที่มักถูกถามต่อมาคือ “การสกรีนด้วยระบบ DTG ดีไหมในแง่ของความทน?” คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับการเตรียมผิวผ้า การตั้งค่าการพิมพ์ และการรีดความร้อนหลังพิมพ์ หากทุกขั้นตอนทำอย่างถูกต้อง งาน DTG สามารถทนต่อการซักได้หลายสิบครั้งโดยสีไม่หลุดง่าย แต่โดยธรรมชาติแล้ว หมึก DTG จะมีความฝังในผ้าน้อยกว่าหมึกสกรีนซิลค์สกรีนหรือหมึก Plastisol ดังนั้นงานพิมพ์จึงอาจจางลงเล็กน้อยหลังจากซักหลายสิบครั้ง โดยเฉพาะหากพิมพ์ลงผ้าที่ไม่ใช่ผ้าฝ้าย 100% หรือไม่มีการเคลือบ Pre-treatment ก่อนการพิมพ์ อีกทั้งการใช้เครื่องอบความร้อนแบบคุณภาพสูงและการตั้งอุณหภูมิที่ถูกต้องก็เป็นปัจจัยสำคัญต่ออายุการใช้งานของภาพพิมพ์
การดูแลรักษาเครื่องพิมพ์ DTG และข้อจำกัดทางเทคนิค
เครื่องพิมพ์ DTG เป็นเครื่องมือที่ต้องการการดูแลรักษาสูงกว่าระบบอื่น เนื่องจากใช้หัวพิมพ์แบบละเอียดมากและใช้หมึกที่มีความไวต่อสิ่งแวดล้อม หากไม่ใช้งานต่อเนื่องหรือไม่ล้างหัวพิมพ์เป็นประจำ อาจทำให้หัวพิมพ์อุดตันและเสียหายได้ เครื่องพิมพ์บางรุ่นมีระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ แต่ก็ยังต้องมีการดูแลมืออาชีพควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้การควบคุมความชื้นในห้องที่ติดตั้งเครื่องพิมพ์ DTG ก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากหมึกมีส่วนผสมของน้ำ ถ้าแห้งเร็วเกินไปหรือเกาะอยู่ในหัวพิมพ์โดยไม่ได้ใช้งานอาจทำให้เครื่องเสียหายและต้นทุนซ่อมแซมสูงมาก ข้อจำกัดอีกอย่างคือ ความเร็วในการพิมพ์ DTG ยังไม่สามารถเทียบกับระบบโรงงานแบบซิลค์สกรีนในปริมาณมากได้ เพราะแต่ละชิ้นต้องใช้เวลาในการพิมพ์เฉลี่ย 2-5 นาทีต่อภาพ และยังต้องใช้เวลาในการอบความร้อนหลังพิมพ์ด้วย
ความแตกต่างระหว่าง DTG กับ DTF และการเลือกใช้งานที่เหมาะสม
ระบบ DTF หรือ Direct to Film เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน โดยพิมพ์ภาพลงบนฟิล์มก่อนแล้วใช้แผ่นฟิล์มนี้ไปรีดลงผ้าอีกที ความต่างที่สำคัญคือ DTG พิมพ์ภาพโดยตรงลงบนผ้า ส่วน DTF ต้องพิมพ์ลงฟิล์มก่อนแล้วจึงนำมารีด จึงเพิ่มขั้นตอนแต่ให้ความยืดหยุ่นเรื่องชนิดของผ้าที่รองรับมากขึ้น เช่น ไนลอน โพลีเอสเตอร์ ที่ DTG ไม่สามารถพิมพ์ได้โดยตรง การพิมพ์ DTF ยังสามารถเก็บงานไว้ล่วงหน้าและนำมารีดเมื่อไหร่ก็ได้ ต่างจาก DTG ที่ต้องพิมพ์และรีดทันที อย่างไรก็ตาม DTF ยังไม่สามารถให้ความคมชัดเนียนเท่าการพิมพ์ลงผ้าโดยตรงแบบ DTG ได้ และมีโอกาสที่ฟิล์มจะหลุดลอกเมื่อผ่านการซักบ่อยครั้ง
สรุปข้อดี-ข้อเสียของ DTG ในมุมมองมืออาชีพ
ข้อดีหลักของ DTG ได้แก่ ความคมชัดของภาพ การพิมพ์งานเฉพาะราย การเริ่มต้นธุรกิจโดยไม่ต้องลงทุนสูงกับสต๊อกสินค้า และการผลิตแบบไม่มีขั้นต่ำ ส่วนข้อเสียที่ควรระวังคือ ต้นทุนต่อชิ้นที่สูงเมื่อผลิตจำนวนมาก ความต้องการในการดูแลรักษาเครื่อง และข้อจำกัดเรื่องชนิดของผ้าที่สามารถพิมพ์ได้ดี การสกรีน DTG จึงไม่เหมาะกับงานอุตสาหกรรมหนักที่ต้องผลิตหลักหมื่นตัวต่อวัน แต่เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจเสื้อออนไลน์ แบรนด์แฟชั่นขนาดเล็ก งานของขวัญ งานอาร์ต หรือธุรกิจพิมพ์ภาพที่เน้นดีไซน์และภาพลักษณ์เป็นหลัก
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานสกรีนเสื้อ >>> ร้านสกรีนเสื้อโฮชิ