การดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องที่หลายคนคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการสังสรรค์ งานเฉลิมฉลอง หรือแม้แต่การดื่มผ่อนคลายหลังเลิกงาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าหากดื่มมากเกินไป แอลกอฮอล์สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงจนเกินขีดจำกัดที่ปลอดภัย
ไม่ว่าจะดื่มบ่อยหรือดื่มนานๆ การรู้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่เป็นอันตราย รวมถึงกฎหมายควบคุมที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้ดื่มอย่างระมัดระวังมากขึ้น

ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดคืออะไร
ระดับแอลกอฮอล์ในเลือด หรือ Blood Alcohol Concentration (BAC) คือปริมาณแอลกอฮอล์ที่พบในเลือดของเรา โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น 0.05% หรือ 0.10% ซึ่งตัวเลขนี้จะสูงขึ้นตามปริมาณเครื่องดื่มที่บริโภค น้ำหนักตัว ความเร็วในการดื่ม และการทำงานของตับ
เมื่อ BAC สูงขึ้น ผลกระทบต่อร่างกายก็จะรุนแรงขึ้นตามลำดับ ทั้งในเรื่องการทรงตัว การมองเห็น การตอบสนอง รวมถึงการตัดสินใจ ซึ่งกลายเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุและปัญหาสุขภาพมากมาย
ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเท่าไหร่ที่เริ่มเป็นอันตราย
แม้ความไวต่อแอลกอฮอล์ของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน แต่โดยทั่วไปสามารถแบ่งผลกระทบได้ตามระดับ BAC ดังนี้
- BAC 0.02 – 0.03% เริ่มรู้สึกผ่อนคลาย การตัดสินใจช้าลงเล็กน้อย
- BAC 0.04 – 0.05% ความสามารถในการควบคุมตัวเองลดลงเล็กน้อย เริ่มมีผลต่อการขับรถ
- BAC 0.06 – 0.10% การตอบสนองช้าลง การมองเห็นพร่า ร่างกายเคลื่อนไหวไม่สัมพันธ์กัน มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง
- BAC 0.15% ขึ้นไป ทรงตัวยาก พูดไม่ชัด หัวหมุน อาเจียนง่าย อาจเกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษได้
- BAC 0.30% ขึ้นไป เสี่ยงต่อการหมดสติ หยุดหายใจ และเป็นอันตรายถึงชีวิต
จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ระดับประมาณ 0.05% ขึ้นไป ร่างกายเริ่มสูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเอง ซึ่งเป็นระดับที่หลายประเทศถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความเสี่ยงสูงต่ออุบัติเหตุ
ระดับแอลกอฮอล์ตามกฎหมายที่ควรรู้
ในประเทศไทย กำหนดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ไว้ชัดเจนตามกฎหมายเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน
ผู้ขับขี่ทั่วไป ห้ามเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (0.05%)
ผู้ขับขี่อายุไม่ถึง 20 ปี และผู้ไม่มีใบขับขี่ ห้ามมีแอลกอฮอล์ในเลือดเลย
ผู้ขับขี่ที่ได้รับใบอนุญาตขับรถสาธารณะ ห้ามเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (0.02%)
ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงเป็นกฎหมาย แต่ยังสะท้อนระดับความเสี่ยงต่อร่างกายและผู้อื่นโดยตรง เพราะเมื่อแอลกอฮอล์สูงขึ้น การตอบสนองจะลดลงอย่างชัดเจน

ปริมาณการดื่มที่ไม่ควรเกินในหนึ่งวัน
เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการดื่มแอลกอฮอล์ แนวทางสุขภาพระบุปริมาณที่ควรจำกัดไว้ดังนี้
- ผู้ชาย ไม่ควรดื่มเกิน 2 ดริ๊งก์ต่อวัน
- ผู้หญิง ไม่ควรดื่มเกิน 1 ดริ๊งก์ต่อวัน
คำว่า 1 ดริ๊งก์ เทียบเท่ากับ เบียร์ 330 มล. หรือ ไวน์ 150 มล. สุรา 40 ดีกรี ปริมาณ 45 มล.
การดื่มเกินกว่านี้อย่างสม่ำเสมอทำให้ร่างกายทำงานหนัก โดยเฉพาะตับ สมอง และระบบประสาท
อันตรายจากการดื่มแอลกอฮอล์ที่เกิดขึ้นได้จริง
การดื่มมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการดื่มหนักครั้งเดียวหรือดื่มสะสมในระยะยาว ส่งผลเสียต่อร่างกายหลายด้าน เช่น
- เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและตับ
- ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้ความจำแย่ลง
- ทำให้นอนหลับไม่สนิท พักผ่อนไม่เต็มที่
- เพิ่มโอกาสอุบัติเหตุและบาดเจ็บ
- ทำให้น้ำหนักขึ้นและเสี่ยงโรคเรื้อรังมากขึ้น
สิ่งที่น่ากังวลคือ หลายครั้งร่างกายไม่สามารถเตือนตัวเองได้ทัน เพราะเมื่อเมาแล้วการตัดสินใจและการรับรู้จะลดลงโดยอัตโนมัติ

เคล็ดลับการดื่มอย่างระมัดระวัง
แม้การดื่มจะเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์หลายคน แต่ก็สามารถป้องกันความเสี่ยงได้ด้วยวิธีง่ายๆ
- ดื่มช้าและจิบน้ำสลับ
- หลีกเลี่ยงการดื่มขณะท้องว่าง
- หยุดดื่มทันทีเมื่อเริ่มมึนหรือเวียนหัว
- วางแผนกลับบ้านล่วงหน้า ไม่ขับรถเองเมื่อดื่ม
- เลือกวันพักตับ ไม่ดื่มทุกวัน
ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ เพราะแม้จะดื่มแค่เล็กน้อยก็อาจส่งผลต่อการตัดสินใจและอุบัติเหตุได้อย่างรวดเร็ว การรู้ระดับแอลกอฮอล์ที่เป็นอันตราย รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จะช่วยให้ดื่มอย่างมีสติและปลอดภัยมากขึ้น
หากจำเป็นต้องดื่ม การควบคุมปริมาณ การวางแผนการเดินทาง และการรู้ขีดจำกัดของตัวเอง คือวิธีสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการดื่มแอลกอฮอล์ในชีวิตประจำวัน

